ประโยชน์ของมะละกอ




ผลสุก มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายที่สุด โดยการนำไปบริโภคสดๆ หรือนำไปปรุงและแปรรูปเป็นอาหาร

หลากหลายชนิดที่รู้จักกันดี เช่น ทำฟรุตสลัด เจลลี่ พาย แยม ซอส น้ำมะละกอ มะละกออบแห้งผสมในมูสลี่ เป็นต้น

ผลดิบ ไม่มีการบริโภคแพร่หลายแบบผลสุก นิยมบริโภคเฉพาะบางท้องถิ่นเท่านั้น และแทบทั้งหมด

เป็นการปรุงสุกก่อนบริโภค คือนำไปต้มกินเป็นผัก หรือนำไปปรุงในซุปผักรวม บางท้องถิ่นนำไปดองกินเป็นผัก

ขณะที่ในเปอร์โตริโก มีมะละกอเขียวในน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋องขาย

แต่ที่พิเศษสุดไม่เหมือนภูมิภาคใดในโลก ก็คือการนำมาบริโภคสดในรูปแบบ “ส้มตำ”

ของคนไทยและเพื่อนบ้านใกล้เคียง พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเป็นไปอย่างกว้างขวาง

จนแทบจะกลายเป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว ซึ่งนับเป็นจุดที่แตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของโลก

อย่างยิ่งนอกจากนี้ การนำผลดิบไปปรุงสุกหรือแปรรูปก็เป็นที่นิยมในประเทศไทยเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็น แกงส้มผัดใส่ไข่ ดองเค็ม เป็นต้น มื้ออาหารของคนไทยจึงมีส่วนผสมของมะละกออยู่มาก

ช่อดอก ในอินโดนีเซียและเกาะนิวกินี มีการนำช่อดอกมะละกอตัวผู้ไปลวกกินเป็นผัก

ใบ ในหมู่เกาะอินดีสตะวันออก นำใบอ่อนไปปรุงอาหารกินเหมือนผักขม ใบที่ค่อนข้างแก่มีรสขม

จะนำไปต้มทิ้งหลายๆ น้ำก่อนกินในกานา ใช้ใบมะละกอแห้งมาชงชากินแก้โรคกะเพาะ ยาระบาย

และมีสรรพคุณในทางแท้งลูกด้วยนอกจากนี้ ยังมีการนำใบมะละกอมาใช้สูบแทนยาสูบ หรือสูบแก้โรคหอบหืด

ลำต้น ในแอฟริกา มีการใช้ต้นอ่อนไปปรุงอาหารกิน

ราก ต้มน้ำดื่มเป็นยาถ่ายพยาธิ

เมล็ด นำไปกินเป็นยาเพื่อให้แท้ง ขับประจำเดือน หรือถ่ายพยาธิ

ยาง มีสรรพคุณหลายอย่าง แต่ที่นำไปใช้อย่างแพร่หลายที่สุด คือการทำให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้นหรือเปื่อยขึ้น

ตั้งแต่ยุคก่อน มีการใช้ใบมะละกอที่ขยี้ๆ ให้ยางออกห่อเนื้อทิ้งไว้ก่อนปรุงอาหาร

นอกจากนี้ ยังมีประวัติการนำไปใช้รักษาแผลหลังผ่าตัดเช่นเดียวกับยาปฏิชีวนะ ใช้เป็นยาช่วยย่อย

ใช้ในการทำแท้ง ใช้แต้มผิวหนังเพื่อกำจัดกระ ไฝฝ้า ตุ่มฝีต่างๆ และใช้ในการหมักเบียร์ให้ใส เป็นต้น